วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

องค์ความรู้ เรื่อง การทำสีผง จากน้ำย้อมไหมสีธรรมชาติใช้แล้ว

           

           ปัจจุบันตลาดไหมไทย  มีความต้องการผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติมากขึ้น  เพราะความสวยงาม  และปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค  แต่กระบวนการย้อมสีไหมด้วยสีธรรมชาติ  ยังมีปัญหาหลายอย่าง  อาทิ  ขั้นตอนที่ซับซ้อน  ผู้ย้อมต้องมีทักษะเป็นพิเศษ  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม  ผู้สืบทอดมีไม่มากนัก  ย่อมได้สีไม่สม่ำเสมอ  สีตก  และย้อมสีเดิมไม่ได้  อีกทั้งวัตถุดิบหายาก  มีราคาสูง
            จากการที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6  ได้ให้การสนับสนุนและพัฒนากระบวนการผลิตการย้อมเส้นไหมจากสีธรรมชาติ  แก่ผู้ประกอบการไหมอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การถ่ายทอดองค์ความรู้  เรื่อง เทคนิคการย้อมสีธรรมชาติในไหม  ในกิจกรรม KM ประจำปีงบประมาณ 2554  ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการไหมสามารถย้อมเส้นไหมได้สีที่สม่ำเสมอมากขึ้น  สีไม่ตก  และสามารถย้อมซ้ำได้  แต่จากการทำงานดังกล่าว  ศูนย์ฯ พบว่าผู้ประกอบการไหมใช้วัตถุดิบไม่คุ้มค่า  กล่าวคือ  การย้อมไหมแต่ละครั้งต้องใช้วัตถุดิบที่ให้สีจำนวนมาก  เช่น  เปลือก,ใบ,ลำต้นของพืช  แต่ผู้ย้อมไหมมักจะเทน้ำย้อมที่ใช้แล้วทิ้งไป  ทั้งที่ยังสามารถนำมาใช้ย้อมเส้นไหมได้อีก  สาเหตุเนื่องมาจากเส้นไหมมีไม่พอ  และไม่มีภาชนะจัดเก็บ  เพราะเป็นของเหลวที่มีปริมาณมาก  หากเก็บในรูปของเหลวเป็นเวลานานก็จะเน่าเสียได้  จึงเป็นปัญหาหนึ่งที่ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไข  ศูนย์ฯ  จึงเห็นควรให้นำกระบวนการจัดการความรู้  มารวบรวมความรู้ที่ได้จากแหล่งต่างๆ  มารวบรวม  เรียบเรียง  กลั่นกรองและถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง การทำสีผง  จากน้ำย้อมไหมสีธรรมชาติที่ใช้แล้ว  เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ให้เกิดความคุ้มค่าต่อการใช้ทรัพยากรมากที่สุด
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. การเตรียมวัสดุ เครื่องมือ/อุปกรณ์
2. ขั้นตอนการผลิตสีครั่งผงและการย้อมสีผง
3. ขั้นตอนการผลิตสีครั่ง (น้ำ
2) ผงและการย้อมสีผง
4. ขั้นตอนการผลิตสีมะพูดผงและการย้อมสีผง
5. ขั้นตอนการผลิตสีสบู่เลือดผงและการย้อมสีผง

1. นำครั่งมาตากแห้ง จำนวน 3 กิโลกรัม  มาล้างน้ำเพื่อกำจัดเศษดิน  และ  สิ่งสกปรกออก
2.จากนั้น นำครั่งมาตำให้ละเอียดในครก 




3. เติมน้ำ 10 ลิตร  แช่ครั่งในน้ำนาน 12 ชั่วโมง
4. จากนั้นกรองน้ำสีครั่งด้วยผ้ากรองละเอียดแล้วเก็บไว้ย้อมน้ำสีที่ 1
5. การสกัดสีครั่ง ครั้งที่  2-3 ทำโดยเติมน้ำครั้งละอีก  5 ลิตร
6. แช่ครั่งในน้ำนาน 3 ชั่วโมง  แล้วกรองน้ำสีครั่งแล้วเก็บไว้  รวมกับน้ำสีที่ 1 ทำซ้ำจนกว่าเม็ดครั่งไม่มีสี  รวมน้ำสกัดสีประมาณ 20 ลิตร
7. จากนั้นจึงกรองละเอียด 2-3 รอบ
8. นำไปต้มน้ำสีครั่งที่ 95 o C  นานประมาณ 2-3 ชั่วโมง  เพื่อให้ครั่งสุกและระเหยน้ำ ให้เหลืออัตราส่วนที่ 10 ลิตร

9. ใช้วิธีการตากแดดให้แห้ง  โดยการเทน้ำสีลงบนแผ่นพลาสติกทนความร้อน  สูงประมาณ 1 นิ้ว  เพื่อกั้นให้น้ำสีมีความหนา-บางสม่ำเสมอ 500 CC.ต่อถาด กว้าง x ยาว 34 x 48 cm.

10. นำไปตากแดดจัด 1 แดด (ตากแห้ง) เมื่อครั่งแห้ง  ครั่งจะมีลักษณะเป็นลแผ่นฟิล์มติดบนแผ่นพลาสติก
11. แยกสีผงชั่งเพื่อหาปริมาณผลผลิต กรัม หรือ เปอร์เซ็นต์ สำหรับพลาสติก  สามารถเก็บไว้ใช้ ครั้งต่อไปได้ และเก็บสีครั่งผงในภาชนะที่ป้องกันอากาศเข้าออก เช่น ถุงพลาสติก,ขวดหรือกระป๋องสีทึบเป็นต้น
12. นำน้ำครั่งที่ใช้ย้อมแล้ว (น้ำ 2 ) จำนวน 20 ลิตร
13. นำน้ำสีไปต้มที่ 95oC นานประมาณ 2-3 ชั่วโมง  ให้ระเหยน้ำเหลืออัตราส่วนที่ 10 ลิตร
14. เทน้ำสีลงบนแผ่นพลาสติกทนความร้อน  ซึ่งวางบนถาดมีขอบสูงประมาณ 1 นิ้ว  เพื่อกั้นให้น้ำสีมีความหนา-บางสม่ำเสมอ 
      500
cc. ต่อถาดกว้าง x ยาว ขนาด 34 x 48 cm.
15. นำไปตากแดดจัด 1 แดด(ตากแห้ง)
16. แยกสีผงชั่งเพื่อหาปริมาณผลผลิต กรัม หรือเปอร์เซ็นต์
17. เก็บสีผงในภาชนะที่ป้องกันอากาศเข้าออก เช่น ถุงพลาสติก หรือ ขวดสีทึบ เป็นต้น

      เพียงขั้นตอนง่ายๆ แค่นี้เองค่ะ... ท่านผู้ประกอบการก็จะได้สีผงธรรมชาติ เก็บไว้ใช้ได้นาน และช่วยประหยัดต้นทุน คุ้มค่า ไม่เสียเปล่า

                                    ด้วยความปราถนาดีจาก KM Team ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6